สาวๆ ทุกคนคงหนีไม่พ้นการช้อปปิ้ง แต่ละคนมีพฤติกรรมการช้อปที่แตกต่างกันออกไป บางคนช้อปเพราะความจำเป็น บางคนก็อ้างโน่นนี่ที่ทำให้ต้องช้อปไม่เลิกจนติดเป็นนิสัย แต่จะสลัดให้หายไปยังดีล่ะ…
วันนี้ เลยขอแนะนำสาเหตุที่ทำให้คุณสาวๆ ทั้งหลายหยุดช้อปไม่ได้
….สาเหตุแรก จ่ายเพราะเป็นนิสัย
…..อาการนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่เสพติดการช้อปไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต เบื่อ เซ็ง ดีใจ หรือทุกสิ่งอย่างในสากลโลก เธอเป็นต้องพุ่งไปซื้อของไว้ก่อน คนบ้าที่ช้อปปิ้งซึมลึกถึงระดับดีเอ็นเอแบบนี้มักจะไม่หยุดที่การซื้อแค่ชิ้นเดียว หรือ ต่อให้ซื้อแค่ไม่กี่ชิ้น แต่จะตามด้วยการนวดหน้า เข้าสปา กินอาหารแพงๆ และทำทุกอย่างที่ต้องเสียเงิน เพราะความสุขของนางคือ การได้ปรนเปรอตัวเองด้วยของสวยๆ งามๆ ที่หูตาจมูกปากและประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์สามารถรับรู้ได้
ทางที่จะรอดจากตัวการนี้คือ…
…..เลิกใช้บัตรเครดิต บัตรชนิดนี้มีชื่อจริงนามสกุลจริง ว่าสู่ประตูการเป็นหนี้ เพราะเราจะไม่เห็นเลยว่าใช้เงินไปกับอะไรบ้าง คนที่เสพติดการช้อปจึงควรยกเลิกบัตรเครดิตไปก่อนจนกว่าจะจ่ายหนี้หมด และต่อไปนี้ก็หันมาซื้อของด้วยเงินสดเท่านั้น คุณจะเห็นได้ด้วยตาตัวเองทุกครั้งที่เงินจากน้ำพักน้ำแรงกำลังลอยละล่องไปเข้ามือแม่ค้า
สาเหตุที่ 2 ความโลภเป็นเหตุ
…..ตัวการนี้จะเริ่มแผลงฤทธิ์ในงานออนเซลส์ทั้งหลาย เช่น เห็นกระเป๋าที่อยากได้มานานถูกเอามาลดราคา 40% ถึงแม้คุณจะซื้อกระเป๋าใบใหม่มาแล้ว แต่พอเห็นสวรรค์รออยู่ข้างหน้า ทั้งศีลห้า สติปัญญา มุทิตา อุเบกขาก็กระจุย ต้องพุ่งเข้าไปคว้ากระเป๋าหน้าตาจิ้มลิ้มใบนั้นมาครองทันที แถมสตรีบางนางยังทนไม่ไหว ต้องไปหาเสื้อผ้า รองเท้า ต่างหูที่เข้ากับกระเป๋าใบนี้มาใส่คู่กันอีกด้วย ความโลภแบบนี้มีในตัวผู้หญิงทุกคน แต่จะหนักในคนรักสวยรักงามและสาวๆ ที่แพ้ของเซลส์ทั้งหลาย ส่วนคนที่เคยบอกตัวเองว่าถ้าไม่ซื้อถือว่าเสียชาติเกิด เพราะชีวิตนี้คงหากระเป๋าแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ขอบอกว่าอาการคุณเข้าขั้นโคม่า ต้องถ่ายเลือดเปลี่ยนหัวใจใหม่ด่วนเลยค่ะ
ทางที่จะรอดจากตัวการนี้คือ…
…..จ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นให้หมดก่อน เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ กันส่วนหนึ่งไว้เป็นค่ารถ ค่าอาหาร เงินฝากธนาคาร เหลือเท่าไหร่ค่อยอนุญาตตัวเองให้ซื้อของได้ในวงเงินนั้น หลังจากตัดรายการที่จำเป็นออกไป คุณจะพบว่าตัวเองมีงบไว้ช้อปปิ้งไม่เท่าไรหรอก วิธีนี้จะช่วยให้คุณซาบซึ้งกับของแต่ละชิ้นที่ซื้อมามากขึ้น ขณะเดียวกันมันก็จะสร้างความรอบคอบให้คุณไปเอง เวลาจะซื้ออะไรคุณจะเริ่มคิดว่าเราชอบจริงๆ หรือเปล่า จะใช้ได้นานแค่ไหน ฯลฯ
สาเหตุที่ 3 ชิงดีชิงเด่น จุดกำเนิดของอาการนี้ มีที่มาจาก 3 รูปแบบ…
…..รูปแบบหนึ่ง ส่งตรงมาในร่างของพนักงานขายสินค้า ที่วางหน้าเริ่ดเชิดหยิ่ง ปรายตามองคุณแบบมีเครื่องหมายคำพูดในตัวโตๆ ลอยอยู่บนหัวว่า “หน้าอย่างหล่อนไม่มีปัญญาซื้อของพวกนี้หรอก เชอะ! หรือบางคนก็อาจแกล้งหยิบเสื้อผ้าตัวที่คุณกำลังดูไปพับเก็บซะงั้น แน่นอนว่ามันต้องทำให้ศักดิ์ศรีนักช้อปแห่งสยามประเทศของคุณเดือดพล่าน เป็นที่มาของการซื้อเพื่อกอบกู้เอกราชและศักดิ์ศรี ถึงแม้ของชิ้นนั้นจะแพงวายป่วงแถมโหงวเฮ้งหน้าตาความสวยไม่ได้เลย แต่ตอนนั้นคุณก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อมันแล้วล่ะ
…..เวอร์ชั่นที่สอง เป็นการซื้อเพื่อชิงความเป็นหนึ่งกับสาวสวยมือกาวที่ดันมาคว้าของชิ้นเดียวกับคุณในเวลาเดียวกัน เพื่อสั่งสอนหล่อนให้รู้ว่าร้านนี้ใครใหญ่ คุณเลยรูดบัตรไปแบบไม่มองราคา (เพื่อจะไปหัวใจวายทีหลัง) โฮะโฮะโฮะ!
…..เวอร์ชั่นที่สาม ตัวการคือ พนักงานปากหวานที่ทั้งชมทั้งอวยราวกับคุณเป็นเจ้าหญิงจนคุณรู้สึกว่าการไม่ซื้อของชิ้นนั้นจะทำให้ราศีคนรวยที่กำลังเปล่งประกายเจ็ดสีเจ็ดศอกบนใบหน้าคุณต้องมัวหมอง
ทางที่จะรอดจากตัวการนี้คือ…
…..1. ในกรณีที่พนักงานขายทำหยาบคายกับคุณ อย่าสั่งสอนเขาด้วยการซื้อของเพื่ออวดว่าฉันก็มีเงินย่ะ เพราะส่วนหนึ่งของเงินที่คุณจ่ายไปจะไปเป็นค่าคอมมิชชั่นของคนๆ นี้ ถ้าอยากทำให้เขารู้ว่าควรมีมารยาทกับลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เรียกผู้จัดการร้าน หรือไม่ก็โทร.ไปร้องเรียนกับบริษัทแม่ไปเลยจะเข้าท่ากว่า
…..2. ปล่อยมือจากของที่กำลังแย่งกัน แล้วให้ยายมือกาวคนนั้นได้ไปเถอะ นักจิตวิทยาเขาบอกว่าที่เราอยากได้ของชิ้นนั้นสุดลิ่มทิ่มประตู ก็เพราะว่ามีคู่แข่งเสียมากกว่า ถ้าคุณยอมให้ผู้หญิงคนนั้นได้ของนั้นไป พอกลับถึงบ้านนางก็จะรู้สึกเองว่าตัวเองไม่ได้ชอบมันเท่าไร และจะเริ่มเสียดายเงินบวกกับเสียใจที่ไม่ยอมยกมันให้คุณ เป็นการแก้แค้นที่เจ็บแสนเจ็บดีออกนะ ว่ามั้ย
…..3. เวลาไปช้อปปิ้งพยายามเอาเพื่อนที่โกหกไม่เป็นติดมือไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน เวลาที่พนักงานปากหวานมาเกลี้ยกล่อมคุณ เพื่อนสาวใจซื่อจะได้ช่วยเหนี่ยวรั้งสติที่เตลิดไปไกลให้กลับมาเข้าร่าง แถมการมีเพื่อนไปด้วยยังจะทำให้คุณมีข้อหาชิ่งหนีพนักงานมหาภัยได้ง่ายขึ้นเช่นบอกว่า “ต้องรีบกลับค่ะ เพื่อนจะไปธุระ” ที่พนักงานส่วนใหญ่มักจะเล็งเหยื่อที่ยืนอยู่คนเดียวมากกว่าคนที่มาเป็นกลุ่มก็เพราะเหตุนี้ล่ะ
สาเหตุที่ 4 ตัวการสุดท้าย…ความจำเป็นด่วนๆ
…..ถ้าไปที่อื่นคุณอาจซื้อของชิ้นเดียวกันในราคาถูกกว่าครึ่งต่อครึ่ง แต่บังเอิญว่าคุณจะมีปาร์ตี้พรุ่งนี้เลยต้องรีบมาเดินหาชุดในเย็นวันนั้น แถมชุดที่คุณยัดพุ่งอ้วนๆ ลงไปได้ก็มีแต่ชุดนี้ชุดเดียวเสียด้วยสิ…
ทางที่จะรอดจากตัวการนี้คือ…
…..ถ้าการเสียเงินของคุณเกิดจากสถานการณ์บังคับ ไม่ใช่เพราะบ้าช้อป แสดงว่าคุณคงทนได้ที่จะใส่ชุดเก่าแต่มิกซ์แอนด์แมทช์กับเครื่องประดับเก๋ๆ หรือยืมชุดของเพื่อนมาใส่แก้ขัดไปก่อนถึงแม้มันจะไม่สวยเลิศล้ำอมตะมากนัก แต่ก็ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้ล่ะน่า…
ส่วนตัวแล้วคนเขียนก็ติดอาการแบบนี้บ่อยๆ หุหุ ****
ขอบคุณข้อมูลจาก : Spice
ใส่ความเห็น